คาลิก้า เนฮิว เหตุการณ์ปัจจุบัน
ด้วยความช่วยเหลือของกองทหารม้า กลุ่มรถม้าของพ่อค้าจึงถูกคุมตัวกลับมา ในข้อหาลักพาตัว
เมื่อพวกเขาเห็นฉัน ก็เข้าใจผิดว่าฉันมาจากตระกูลโรซาค จึงยอมให้ความร่วมมือในการตรวจค้น
แต่เด็กผมดำที่เจอไม่ใช่เอลด้า
"ไม่มี! แกเอาเอลด้าไปซ่อนไว้ที่ไหน!"
ฉันตะโกนเสียงดังใส่พ่อค้า ซึ่งเขาก็ส่ายหน้าอ้อนวอนและบอกว่าไม่มีแล้วจริงๆ
"ค้นอีกรอบ!"
ฉันให้ทหารน้ำแข็งกับพวกคุณทาสค้นอย่างละเอียดอีกรอบ แบบไม่ต้องเกรงใจ
"อ๊ะ! เจอแล้วครับ! มีเด็กสลบถูกซ่อนอยู่หีบด้วย"
"ผมเจอตรงช่องลับใต้รถม้าครับ!"
"บนหลังคาก็มีช่องลับด้วย! พวกมันยัดเด็กเอาไว้!"
"ใต้ท้องรถด้วยค่ะ!"
"รื้อรถทุกคันทิ้งซะ!"
คุณรอคต้าสั่งกองทหารให้รื้อรถม้าออกเป็นชิ้นๆ เผื่อมีจุดที่ค้นไม่ทั่วอีก
หลังรื้อเสร็จพวกทหารกับคุณทาสก็พาเด็ก 10 กว่าคน ที่หน้าตากับผิวพรรณดูดีกว่าเด็กชุดแรกมานอนเรียงกันให้ฉันดู
พวกพ่อค้าจึงถูกจับกุมทันที ในข้อหาลักพาตัว
แต่ในกลุ่มเด็กเหล่านั้นก็ยังไม่มีเอลด้า
"เอลด้าล่ะ..."
ฉันที่ยังช็อกกับเรื่องนี้ไม่หาย ก็มีเสียงประกาศดังก้องไปทั่วอาณาจักร
----- <นี่คือเสียงประกาศจากสำนักงานดูแลนักผจญภัยสาขาหลัก> -----
----- <ทางเราได้รับอนุญาติจากท่านราชาเรฟเว่น สไตรค์ ผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักรทาเทนทาย> -----
----- <จึงขอประกาศสภาวะฉุกเฉิน! ย้ำอีกครั้ง! ประกาศสภาวะฉุกเฉิน!> -----
เนื้อหาหลังจากนั้นฉันฟังไม่รู้เรื่องแล้ว
ฉันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แล้วหันกลับไปยังสลัมที่จากมา
ถ้าพ่อค้าไม่ได้พาเธอมา งั้นเอลด้าก็ยังอยู่ข้างใน...?!!!
"กลับสลัม! เดี๋ยวนี้! เดี๋ยวนี้เลย!"
*****
โรจา หัวหน้าทีมนักชำแหละ สังกัดทีมรอง หน่วย 5 กิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]
ผมใช้สกิลลอบเร้นอีกครั้ง ก่อนวิ่งกระโดดไปมาบนหลังคาบ้าน
แต่ต้องใช้ความระวังเพราะบ้านของพวกคนในสลัมมันเปราะบาง บางหลังแค่เหยียบหลังคาก็ทะลุ บางหลังก็ไปทั้งหลังคา หนักสุดคือพังทั้งบ้าน
ผมสอดส่ายสายตามองไปทั่ว เห็นภาพแล้ววิเคราะห์ทันที
เด็กนั่นไม่มีทางดึงมีดออกเองได้ ดูจากการดิ้นต่อต้านที่แทบไม่มีแรงขัดขืนตอนผมเลาะฟันเขี้ยวมันออกมา
แสดงว่ามีคนพาตัวมันไป ประเด็นคือมาช่วยหรือลักพา
แต่ถ้าคิดจากสถานการณ์หลังประกาศสภาวะฉุกเฉินออกมา มีสิทธิที่พวกมันจะลักพาตัวไปมากกว่า
ผมหันกลับไปมองบ้านหลังที่จากมา
ไม่ ไม่ดีกว่า ยังไม่ใช่เวลาเผยตัวตน
ผมส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นแล้ววิ่งหาต่อไป
คนเริ่มไปในทิศทางเดียวกันคือออกจากสลัม
พอกวาดตามองไปรอบๆ ก็เจอสิ่งเด่นสะดุดตาที่ไม่ควรมีอยู่ในสลัม
ขบวนรถม้าขบวนใหญ่ที่มีคนคุ้มกันเต็มไปหมด
ยังไงก็ไม่รู้ว่านังเด็กนั่นไปไหน งั้นก็ลองไปดู
ผมกระโดดไปจนถึงรถม้าขบวนสุดท้ายแล้วถีบหน้าต่างจนพัง
คันนี้มีแต่สมบัติ
"เฮ้ย อะไรวะ"
ผมกระโดดไปอีกคันข้างหน้าแล้วทำแบบเดียวกัน
คนคุ้มกันเริ่มแตกตื่น พวกมันพยายามหาสาเหตุ แต่เพราะความชุลมุนของผู้คนที่หนีตายกับการลอบเร้นของผม
พวกมันจึงไม่รู้จะจัดการยังไงกับเรื่องที่อยู่ๆ หน้าต่างก็พังเอง เลยได้แต่วิ่งไปถามเจ้าของรถม้าขบวนนี้
ผมจึงกระโดดข้ามรถม้าทุกคันไปลงที่คันของมัน
ขณะที่รถม้าเคลื่อนเจ้าของรถเปิดประตูออกมาเพื่อฟังรายงานเรื่องประตูรถม้าพัง
ผมอาศัยจังหวะนั้นก้มหัวลงไปมองในรถม้า
เจอสักที
ผมยื่นมือไปคว้าคอเสื้อดึงหัวมันออกมานอกตัวรถ อีกมือชักมีดเงื้อขึ้นแทงเข้าที่ลำคอของเจ้าของรถม้า ก่อนกระชากมันให้ร่วงลงไปบนพื้น
ผมม้วนตัวเข้าไปในตัวรถ คว้านังเด็กผมดำออกมาแล้ววิ่งย้อนกระโดดกลับไป
สกิลลอบเร้นใช้ได้แค่ตัวผม พวกคนคุ้มกันจึงยังเห็นเด็กที่ผมอุ้มอยู่ตลอดเวลา
พวกมันบางส่วนเลือกที่จะจากไปเพราะนายจ้างตายแล้ว แต่บางส่วนคงเป็นพวกภักดีเลยตามมาแก้แค้น
ระหว่างกระโดดไปมาบนหลังคาบ้านก็เกือบทรงตัวไม่อยู่เพราะนังเด็กที่อุ้มอยู่มันดิ้นไม่หยุด
"เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก"
มันจึงหยุดขยับแล้วหันไปมองข้างหลัง
"ขยะอย่างพวกมันช่วยแกไม่ได้หรอก"
แล้วจังหวะที่กระโดดข้ามอยู่กลางอากาศ ผมก็โดนนังเด็กนี่กัดเข้าที่แขน ถึงจะเหลือฟันเขี้ยวแค่ซี่เดียวแต่มันก็ยังเจ็บ
พอเท้าเหยียบหลังคาบ้านอีกหลัง ผมก็กำหมัดทุบลงไปที่ใบหน้า
มันฝืนอดทนแล้วยิ่งออกแรงกัดหนักขึ้น ผมจึงชกเข้าไปสุดแรง
"โอ๊ยยยย!"
ฟันมันหลุดพร้อมกับร้องเสียงหลง
ผมจิกหัวมันขึ้นมาก่อนจะยกเท้าขึ้น แต่ก่อนจะได้ถีบมันกลับพ่นเลือดในปากใส่หน้าผม แม้จะเบี่ยงคอหลบแต่ก็โดนใบหน้าไปครึ่งซีก
ผมจึงออกแรงถีบมันจนตัวปลิวทะลุหลังคาบ้านข้างหน้า
ตอนนั้นเองที่ผมถูกลูกธนูยิงเข้ากลางหลัง
"อั่ก!"
โชคดีที่ใส่เกราะหนังมา ลูกธนูจึงไม่ทะลุมาถึงอวัยวะภายใน
ผมรีบกระทืบเท้าให้หลังคาพังจนตัวเองร่วงลงไป เพื่อหลบลูกธนูอีกหลายดอกที่ยิงมาได้แบบเฉียดฉิว
อีเด็กเวรนั่นมันจงใจก่อความวุ่นวายเพื่อทำให้ผมเป็นเป้านิ่ง แถมยังพ่นเลือดเพื่อระบุตำแหน่งผม
เพราะเป็นเลือดคนอื่นสกิลลอบเร้นจึงไม่ส่งผล
ยิ่งใช้มือเช็ดก็ยิ่งเผยตัวตน น้ำแถวนี้ก็ไม่มี ผมจึงปลดเกราะหนังแล้วดึงเสื้อขึ้นมาเช็ดก่อนสวมกลับเหมือนเดิม
ที่ผมย้อนกลับมาก็เพื่อฆ่ามอนสเตอร์ที่หลุดออกมาสักตัวแล้วเอาเลือดมันมาละเลง จะได้อ้างกับไจเกียได้ว่าคนอื่นที่เหลือหนีออกมาไม่ทัน แต่ฝากเด็กให้ผมเป็นคนพาออกมา
ว่าจะสร้างเรื่องแบบนี้แล้วแท้ๆ แต่พอกันทีอีเด็กเปรต
ผมเอื้อมมือไปดึงลูกธนูออกมาจากหลัง แล้วใช้มันแทงพวกมันคนนึงที่พุ่งเข้ามาในบ้านพร้อมกับดาบเข้าที่ดวงตาของมัน
แล้วกระโดดหลบดาบที่ฟันสวนเข้ามา ก่อนพุ่งเข้าไปจับดาบของมันกดเข้าที่ลำคอ
มันพยายามยื้อ แต่ผมแล้วต่อยเข้าที่สันดาปจนดาบฟันเข้าไปในลำคอ
พวกมันอีกคนพังหน้าต่างเข้ามา ผมจึงรีบกระชากดาบออกมา แล้วหมุนตัวฟันเป็นแนวเฉียงใส่ จนมันตายในดาบเดียว
เพราะการกระชากดาบออกมาจากคอเลือดจึงกระฉูดใส่ผมทั้งตัว จนต้องยกเลิกสกิลลอบเร้นไป
ตอนที่จะออกจากบ้านเพื่อไปฆ่าอีเด็กนั่นทิ้งให้มันจบๆ
แทงค์สองคนก็พังผนังบ้านคนละฝั่งเข้ามาด้วยโล่
ผมกระโดดถอยหลังหนีจนติดกำแพง
ก่อนพวกแทงค์จะชนกันเอง พวกมันก็เปลี่ยนทิศแล้วตั้งโล่พร้อมกับชี้ดาบใส่ผม ด้านข้างก็มีแทงค์เข้ามาตั้งโล่ปิดทางหนีจนหมด
ตอนนั้นเองที่ลูกธนูหลายสิบลูกยิงข้ามหัวแทงค์เข้ามาจากรอบทิศยกเว้นด้านหลังเพราะติดกำแพง
ผมรีบกระแทกกำแพงเพื่อดันให้มันล้มไปข้างหลัง แต่มันแทบไม่ขยับเหมือนมีอะไรขวางไว้
จึงตัดสินใจก้มหลบแทน แต่ลูกธนูก็ถูกเวทลมผลักหัวลงตามทันที
ผมจึงได้แต่วาดดาบฟันมันทิ้ง แต่ก็ได้แค่ประมาณสี่ห้าลูก ที่เหลือผมรีบหันหลังเพื่อปกป้องส่วนสำคัญ
ความเจ็บแล่นไปทั่วแผ่นหลัง ไม่ทันได้ทำอะไรกำแพงบ้านไม้ก็ล้มลงมาทับผม ลูกธนูบางลูกที่ถูกผนังบ้านกดทับจึงแทงทะลุอวัยวะภายในจนผมกระอักเลือด
เมื่อติดอยู่ใต้เศษซาก พวกมันยังซ้ำด้วยการใช้เวทไฟเผาผมทั้งเป็น
"อ๊ากกกกกกกกกก!"
*****
หลังโรจาถูกเผาทั้งเป็นด้วยการใช้ซากบ้านไม้เป็นเชื้อเพลิง
หัวหน้าของพวกเขาก็สั่งให้แทงค์หลายคนบีบวงล้อมโล่เข้าไปจนชิดติดกันเป็นวงกลม
โดยให้นักธนูขึ้นไปประจำการบนบ้าน ง้างคันธนูเล็งเตรียมไว้
และให้นักเวทไฟกับลมช่วยกันเพิ่มความแรงของไฟ
ยิ่งเสียงร้องทรมานดังมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งพอใจที่ได้แก้แค้นคืนให้นายของพวกเขา
แล้วศัตรูของพวกเขาก็ทนไม่ไหวแหวกกองไม้ออกมา ผิวหนังทั่วร่างพุพองและบางส่วนไหม้จนเกรียม กลิ่นเนื้อไหม้ฉุนจนแสบจมูก
ศัตรูของพวกเขาดีดดิ้นไปมาในกองไฟ กรีดร้องเสียงโหยหวน เขาดูมันอย่างสะใจก่อนสั่งให้พลธนูยิง
ลูกธนูกว่าสามสิบดอกปักทะลุจนพรุนไปทั้งร่าง
แล้วมันก็สิ้นใจล้มลงไปไหม้เกรียมเป็นตอตะโก
พวกเขาจึงลดอาวุธกับโล่ลงแล้วถอยให้หัวหน้าเดินเข้าไป หลังนักเวทไฟดับไฟจนมอดสนิท
เขาจิกหัวมันขึ้นมา เงื้อดาบขึ้นเพื่อตัดหัวมันเอาไปวางไว้หน้าหลุมศพของเจ้านาย
แต่ศพที่คิดว่าตายไปแล้วกลับเบิกตาโพลง พุ่งเข้ากัดคอของเขาแล้วฉีกเนื้อออกมา
มันเคี้ยวได้แปปเดียวก็ถ่มเนื้อส่วนคอของเขาทิ้ง
"ถุย! ก็พอแดกได้อยู่"
ไม่ทันได้ถอยหนี หัวหน้าของพวกเขาก็ถูกมือของศัตรูแทงทรวงอกทะลุไปถึงด้านหลัง ในมือที่เปื้อนโลหิตของมันกำกระดูกสันหลังของเขาอยู่
มันกระชากมือกลับ ดึงเอากระดูกสันหลังและอวัยวะภายในออกมา จากนั้นก็ไล่ฆ่าพวกเขาด้วยพละกำลังมหาศาลเหมือนไม่ใช่มนุษย์
หลบการโจมตีทั้งดาบและลูกธนูได้หมดและฆ่าด้วยการจับร่างกายฉีกออกหรือควักอวัยวะภายในออกมา
ยิ่งร่างกายอาบเลือด ผิวหนังที่ไหม้เกรียมไปแล้วยังสามารถรักษาตัวเองจนหายเป็นปกติ
ไม่ถึงห้านาที พวกเขาก็ไม่เหลือรอดกันสักราย
*****
โรจา หัวหน้าทีมนักชำแหละ สังกัดทีมรอง หน่วย 5 กิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]
เพราะซ่อนตัวตนมานานเกินไป ร่างกายเลยอ่อนแอจนถูกพวกมันเล่นงานเอาซะได้
ผมหยิบเสื้อผ้าพวกมันมาสวมแทนของเก่าที่ไหม้ไป
สวมเสร็จก็หยิบคันธนูพร้อมกับลูกศรขึ้นมา กระโดดขึ้นไปบนบ้านแล้วง้างสายค้างไว้จนตึง
พอกันทีอีเด็กเปรต
ผมเงยหน้าสูดกลิ่นเพื่อหาตัวของนังเด็กนั่น
เมื่อรู้ตำแหน่งก็หันทิศธนูไปทางมันแล้วยิงออกไปด้วยพละกำลังเหนือมนุษย์จนคันธนูพัง
ลูกธนูพุ่งทะลวงทุกสิ่งกีดขวาง ถึงจะมีบ้านขวาง แต่มันก็แค่ไม้เก่าๆ
ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของมัน ก่อนเงียบหายไปอย่างรวดเร็ว
นังเด็กนั่นยังไม่ตาย ที่เสียงเงียบคงเพราะมันเอามือปิดปากไว้
มันโชคดีที่ผมไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ ตั้งใจเล็งที่หัวแล้วแท้ๆ แต่จากเสียงหายใจอย่างลำบากอย่างน้อยก็แทงทะลุปอด
อยากจะเข้าไปซ้ำให้มันตายสนิท แต่ตอนนี้มีเสียงคนจำนวนมากกำลังใกล้เข้ามา คงเป็นพวกนักผจญภัย
และฝั่งตรงข้าม เสียงของมอนสเตอร์จำนวนมากมายมหาศาล ถ้าไม่ถอนตัวตอนนี้กลัวจะไม่ทัน
ถ้ามันยังรอด ค่อยตามไปฆ่าปิดปากมัน
ผมถอนตัวแล้วรีบหาที่ซ่อนเพื่อรอให้ทั้งสองฝั่งปะทะกันไปสักพัก แล้วค่อยหาซากมอนสเตอร์สักตัวเอาเลือดมันมาทา
ยังไงก็โกหกได้ว่าโดนโจมตีจนสลบไปและพึ่งฟื้นเมื่อได้ยินเสียงต่อสู้กัน
ต่อจากนั้นก็จะให้ฮีลเลอร์รักษา และเพราะผมเป็นแค่นักชำแหละซาก จึงสามารถไปอยู่แนวหลังแบบไม่ต้องเสี่ยงตาย